๓.๑.๔ ความเชื่อในเรื่องชาติหน้า หรือการเวียนว่ายตายเกิด ชาวอีสานยึดถือมานาน เชื่อว่ามีผลทางการประพฤติปฏิบัติของคนในปัจจุบันและอนาคต เช่น
“ สงสารนี้คือกันทั้งโลก เกิดชาติใด๋
ขอให้คืนพบพ้อนาม่องเก่าเดิม
ขอให้หงส์หินพร้อมตาดำคิ้วคาด
ขอให้ใด๋เกิดฮ่วมชาติพระเจ้าเมตไตรโย
โพธิสัตว์เจ้าลงมาผายโผด แน้ท้อน
บาปแต่น้อยของข้าให้เล่าหายฯ
๓.๑.๕ ความเชื่อในเรื่องการอยู่ในศีลกินในธรรม โดยเฉพาะนักบวชและเชื่อในการสร้างโบสถ์วิหารและวัดตลอดทั้งสาธารณะสมบัติต่างๆ เช่น
ใผผู้ใด๋บวชอยู่ได้ ตั้งเที่ยงในสิกขา เมื่อใด
ลูกศิษย์ยังเกรงกลัว ดั่งองค์พุทโธเจ้า
ใผผู้จำศีลสร้าง ภาวนาบ่ประมาท ก็ดี
บุญหากชูซ่อยค้ำ คนย้องทั่วแผ่นดินแท้แล้ว
ใผผู้จำศีลสร้าง กินทานตักบาตร ก็ดี
เพลจังหันบ่ขาดเว้น ประสงค์ตั้งต่อบุญ ดั่งนั้น
คนก็โมทนาย้อง เทวาก็ชมชื่น
บ่ห่อนตกต่ำต้อย เป็นข้อยคอบให้ทาน เจ้าเอย
เถิงแม่นพากันสร้าง กระทำบุญกันเป็นการใหญ่
คือว่าสร้างพระธาตุ ฝูงหมู่เจดีย์
สร้างวิหาร โบสถ์วาอาฮามกว้าง
สร้างที่สงฆ์เจ้า ประชุมพร้อมสวดมนต์
สร้างที่คนประชุมพร้อม ศาลาพระเจ้าใหญ่
สร้างสระสร้างบ่อน้ำ ศาลาพร้อมที่สำราญ
สร้างถนนหนทางพร้อม ศาลาให้เจ้าไต่
หรือว่าปลูกต้นไม้ใหญ่ น้อยใหญ่ไว้ฮิมทาง ก็ดี
หวังให้คนไปมา ได้เพิ่งเงากันฮ้อน
ใผผู้ทำบุญสร้าง ตามทางที่เฮากล่าวมานี้
บุญยิ่งยู้ ชูค้ำให้ฮ่างมี เจ้าเอยฯ
๓.๑.๖ ความเชื่อในเรื่องของศาสนาเริ่มเสื่อมในราวพุทธศักราชสามพันปี จะเกิดภัยพิบัติต่าง ๆนา นา เช่น
คำที่อาจารย์เจ้า โบราณเพิ่นชี้บอก มานั้น
คือว่าสังกาสล้ำ เข้าเขตสามพันปีเมื่อใด
จักเกิดมีภัย พยาธิเดิมมาต้อง
แม่นว่าครองสมณ์สร้าง ในธรรมพระพุทธบาท ก็ดี
ก็บ่ตั้งเที่ยงหมั้น ในแห่งสิกขาบท
ศิษย์บ่ฟังคำครู ซิเสื่อมทรามเพม้าง
แม่นว่าองค์กษัตริย์ไท้ ทะรงเมืองตุ้มไพร่ ก็ดี
ก็บ่ตั้งเทียงหมั้น ในฮีตคลองธรรม
คนบ่ยำแยงย้าน ครูบาพ่อแม่
จักเกิดเป็นเหตุฮ้าย ขี่ยุคโพยภัย๑
๓.๑.๗ ความเชื่อในด้านหลักธรรม
กาลสิมาภายหน้าอนิจจามันบ่เทียง ต่างคนต่างสิหัวหงอกหวั้วคือด้าวนกยาง
แขนขานับมื้อฮ้ายหูตานับมือบอด ของสิ่งนี้มีแท้ขู่คนแท้แล้ว ฯ
“ ตัณหาฮักลูกนี้คือดั่งเชือกผูกคอ
ตัณหาฮักเมียนี้คือดั่งปอผูกศอก
ตัณหาฮักสมบัติข้าวของนี้คือดั่งปอกสุบตีน
ตัณหาสามอันนี้มาขีนให้เป็นเซือก
ให้เกลิ้งเกลือกในวัฏฏะสงสารฯ ๒
อย่าสิพากันไห้ฮ่ำเพิงหาคนเขาตกป่า
ไห้ต่อยายย่าเฒ่ายังสิได้เผิ่งบุญ
อย่าได้พากันให้นำผีผู้ตายจาก
ไห้ต่อหม้อกระเบื้องยังสิได้อุ่นแกงฯ(๓๓)
ชาติที่ความตายนี่เปิงเป็นกันทั้งโลก
มันหากเป็นแบบตั้งประจำแท้เที่ยงจริง
ทังหากเป็นเบิงเฒ่ามาตั้งแต่บูฮาน
คันหากไผเถิงคราวสิแหล่นหนีบ่มีพ้นฯ๓๔
กายสังขารแต่งตั้งทุกอย่างปัจจัยปรุง
ตับหรือพุงสู่อันในเนื้อ
หูตาแข่วแนวใดปัจจัยแต่ง
บ่อแจงแรงอยู่ได้ถึงฟ้าชั่วกัลป์
ฟันเคยกัดกินได้เสียไปหลมหล่อน
เกิดโยกคลอนปวดจ้าวปานฆ้อนต่อยตี
ทั้งแขนขานหมู่นี้ปวดแล่นถึงกัน
จักขุหันมัวลงมือบ่อมีวันแจ้งฯ(ผญาย่อย)/๑๒/
ทุกข์แต่ในโลกนี้ล้นหมื่นเหลือวิสัย
ทุกข์แต่ในโลกีย์บ่อเปรียบปุนปานอ้าย
ทุกข์เพราะสังขารย้ายแปรจากอนัตตา
ทุกข์เพราะโรคาขับปวดอุทรหนาวฮ้อน
ทุกข์เพราะนอนเฝ้าติดอยู่เรือนจำ
ธัมมะโรงเขาตีค่าสกุลทั้งป้อย
ทุกข์ยามเป็นเด็กน้อยกำเนิดซักซางแดง
ทุกข์นำทั้งสวนแตงสวนหม่อนสวนปาน
ทุกข์เพราะไปทำนาตากฝนตากแดด
ทุกข์เพราะโรคติดแปดขี้จาดขี้จาย(น้อยผิวผัน)
นี้จั่งแม่นทุกข์หลายเกิดมาในโลกฯ๑๘
๓.๑.๘ ความเชื่อในด้าน บุญ, ศีล ,ภาวนา,
คำว่าบุญๆนี้องค์มุนีสอนกล่าวให้แก่ชาว
พี่น้องตรองฮู้ได้แต่งตามหวังอยากให้เฮานี้
ข้ามถึงฝั่งพระนิพพาน มีให้ทานฮักษาศีลฮีนตรองครองแก้ว
ให้มีแวววงไว้กระทำไปให้ถูกช่อง เดินตามคลองพระเจ้าองค์เหง่าหน่อพุทโธ
ไสไปทางธรรมพุ้นให้ทำบุญตกแต่ง
แปลงวิมานชั้นฟ้าคราวหน้าบาดฮ่าตาย
เพราะว่าบุญบาปฮ้ายไผบ่อส่องเห็นโต
เพราะโมโหอวิชชามาปิดมิดบ่เห็นแจ้ง
เพิ่นแสดงสอนไว้เป็นแต่อุปไมยบ่ทันแจ้งให้เห็นฮ่อม
บ่ทันมีบอ่นฮอมพอสิเห็นแจบแจ้งบุญนั้นอยุ่ไส
แม่นอันใดเป็นเหง่ากกมันให้บังเกิด
ความข้อนี้เพิ่นยังชี้บอกไว้ได้แก่กุศลมูล
ให้เพิ่มพูนทำทานหว่านผลทำไว้
และทำใจเฮาให้บริสุทธิ์จากกิเลส
เหตุถึงสุขบ่อนนั้นแม่นบุญท่านเอ๋ย
๑.๕.๒) สอนเรื่องบาป-บุญ นรก-สวรรค์ นับว่าเป็นความเชื่อที่สำคัญและมีอิทธิพลต่อวิถีชีวิตของชาวอีสานมากที่สุด และดูเหมือนว่าจะเป็นจุดเด่นของวรรณกรรมเรื่องนี้ ซึ่งจะชี้ให้เห็นว่าใครทำกรรมอย่างไรก็จะได้รับผลกรรมอย่างนั้น เช่น
บ่มีใผหนีได้ เวรังหากเทียมอยู่
เวรมาฮอดแล้ว ซิไปเว้นที่ใด
บ่มีใผเถียงได้ เวรังหากเป็นใหญ่
เวรตายวายเกิดขึ้น หนีเว้นหลีกบ่เป็น
มันก็ ตายไปตกอเวจี อยู่นานในหม้อ
นาฮกไหม้ ทั้งคิงจมอยู่
ทนทุกข์ฮ้อน แถมซ้ำเวทนา
เจ้าก็ ฮักษาศีลไว้ ผองซีวังเท้าชั่ว
คันว่า บรมิ่งเมี้ยน เมือฟ้าสู่สวรรค์
๑.๖ สอนให้เคารพพระรัตนตรัย คือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ดังคำกลอนดังนี้คือ
อันหนึ่งคำผู้เฒ่า เว้าแต่โบราณ
เชือกสามวาล่ามช้าง อ้างโอดว่าโตดี
ท่านหาอุปมาแก้ว สามประการคือเชือก
ช้างเปรียบได้ โดยด้ามดั่งชี
คือว่าสมณาสเจ้า ฮักษาฮีตครองสงฆ์
ทรงสิกขา หมั่นเพียรระวังล้อม
บ่ได้สำหาวกล้า วาจาอวดอ่ง
คันว่าหลงเม่ามั่ว เสียเป้เมื่อลุน
ปุนดั่งสัตว์สิ่งเชื้อ ชื่อว่าจินาย
จาความหาญ ซิรบเล็วชนช้าง
บาดห่ากุญชโรได้ ยอยังตีนเหยียม
มันก็มรณ์มิ่งเมี้ยน มีได้ยียยาม72
๑.๙) สั่งสอนให้มองเห็นโทษภัยของการพนัน
ใผผู้มัวเมาเล่น เบี้ยโบกเบอร์หวย
ฮุกสะกากับ คว่างคีตีฆ้อน
สุราเหล้า ญิงเกกางกาด
หมกมอกมั้ว เฮือนย้าวบ่ลำเพอ
แม้นจักมีคู่ซ้อน ผัวมิ่งเมียแพง
บุตราตน ฮักหอมทอมเลี้ยง
ก็เล่าไลวางเว้น ปะไปดายเปล่า
ลางผู้เททอดให้ ขายได้ลูกเมีย
แม้นว่าเป็นเจ้าช้าง ม้ามิ่งวัวควาย
เงินคำของ โกฏิกือแสนตื้อ
ครันว่าการพนันเข้า สิงใจจงจอด
ลอนท่อมุดมอดเมี้ยน จิบหายแท้เที่ยงจริงฯ
2 ) การบริจาคทาน
๑๓.๔) พระยาสันทะราชสอนให้รู้จักการให้ทาน
ไผมีเงินคำแก้วหวงแหนบ่ทานทอด บ่ให้ขาดแต่ละมื้อประสงค์ได้ทอดทาน
จักทุกข์จนในสงสารชาติซิมาหากหวังได้ เมื่อมรณังตายไปเกิดในวิมานแก้ว
ไผผู้มีของล้นเงินคำอนันเนกเจ้าเอย บ่ให้ทานพี่น้องคนนั้นบ่ห่อนดีแท้ดาย
อันว่าไผ้ผู้มีของล้นทานไปหลายสิ่งเจ้าเอย บาดว่าชาติหน้าพุ้นยังซิกว้างกว่าหลัง
ตายไปเกิดชั้นฟ้าทงแท่นวิมานคำพุ้นเอย ยูท่างนั่งเสวยความสุขอยู่เย็นหายฮ้อน
ไผผู้ทานไปแล้วบ่มีเสียจักสิ่งเจ้าเอย ชาตินี้บ่ได้อึดอยากไฮ้ไปหน้าก็ดั่งเดียว
ของเฮาทานไปแล้วบ่สูญเสียดายป่าว เจ้าอย่าได้ขี้คร้านในทานทอดกองบุญ
คันว่าตายไปภายลุนจักบ่กินแหนงโอ้ คำสอนพุทโธเจ้าหากเป็นจิงตั้งเที่ยง
ไผทำเพียรก่อสร้างบุญนั้นบ่ห่อนเสียเจ้าเอย 124
3) มีศีล
๕.๓) สอนให้ตั้งอยู่ในศีลธรรม
ตั้งเที่ยงไว้มีศีลสี่ตัว บ่ฆ่าสัตว์มากินกับเข้า
ของมีเจ้าบ่ได้ข่มเหง เมียของเขาบ่ได้จับต้อง
บ่เกี่ยวข้องคำล่ายตั๋วพราง ศีลสี่ตัวอันนี้เป็นเค้า
ปู่สิเว้าชักออกในธรรม ให้ลูกหลานจื่อไว้ในอก99
6) มีบุญ
๑๓.๒) สอนให้แผ่เมตตาไปในสัตว์โดยไม่มีประมาณ ดังนี้คือ
ให้หยาดน้ำไปฮอดสัพพะสัตว์แท้เนอ ให้มันถองเถิงห้องอบายภูมิทั้งสี่
ฝูงสัตว์ตกอยู่ในอเวจีให้เกิดในเมืองฟ้า ให้หยาดน้ำไปเถิงเซื้อวงสาพ่อแม่แท้เนอ
เทวดาอยู่เทิงชั้นฟ้าอินทร์พรหมพร้อมซู่องค์ สัตว์ฝูงมีกระดูกแลไม่มีกระดูกพร้อม
กับทั้งเจ้าแม่นางธรณีฝูงหมู่ดินทรายไม้ ฝนลมฟ้ากลางหาวอากาศก็ดี
เมฆขลานางแก้วอสูรครุฑนาคก็ดีถ้อน อีกทั้งเผดยักษ์ฮ้ายฝูงหมู่ผีสางก็ดี
หิมพานต์สัพพะสัตว์หยาดน้ำไปเถิงถ้วน จิ่งอธิษฐานไปให้ยมภิบาลกุณฑ์ใหญ่
แผ่ไปฮอดสัตว์อยู่ใต้ในหม้อแผ่นแดงนั้น ทั้งสิบหกชั้นฟ้าเทวดาได้ซูซ่อย
แผ่ไปเถิงศัตรูเสี่ยวแก้วประสงค์ได้ฮ่วมบุญ ศีลทานสร้างกองบุญผายแผ่ แท้เนอ
เทียมดั่งแม่น้ำใหญ่กว้างบ่เขินขาดวังหั้นแล้ว ไผได้ทำบุญสร้างศีลทานทุกเช้าค่ำ
ยำแยงทานน้อมไหว้ตนเจ้าซิฮุ่งเฮืองแท้แล้ว ทานนั้นเฮาก็เคียงสอนให้ราชาฟังสน่อย
๑๒.๖) สอนให้ตั้งอยู่ในพรหมวิหารธรรมดังคำสอนนี้คือ
อุเบกขาให้ไมตรีติดต่อ กรุณาจงอย่าได้หวังฮ้ายต่อไผ
เมตตานั่นมีความแพงทุกสิ่ง อันว่าสัตว์อยู่ใต้หลุ่มฟ้ากะแพงไว้ดังกัน
อย่าได้ทำลายม้างปาปังมันบาป นีรพานตั้งต่อไว้เด้อท่านอย่าสิไลฯ
ให้เอาเมตตาตั้งกรุณามุทิตาสืบต่อ อุเบกขาต่อท้ายจ้ำอย่าสิไล
พรหมวิหารของค่ำจอมธรรมเผิ่นสอนสั่ง ทศพิธราชธรรมขอให้จำจื่อไว้
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น