ผญาภาษิตที่สะท้อนถึงวิถีชีวิตชาวอีสาน
คำสุภาษิตที่แฝงคติธรรม เป็นความเปรียบเทียบเชิงอุปมาอุปไมย ให้ผู้ฟังหรือผู้อ่านตีความหมายเอง เช่นเดียวกับคำสุภาษิตภาคกลาง ซึ่งผู้ที่ได้ฟังสามารถนำไปประพฤติในทางดีงามหรือที่ถูกที่ควรได้ กวีได้ใช้พฤติกรรมต่างๆของสัตว์มาเป็นคติคำสอนเช่น“ วัวบ่กินหญ้าแสนสิข่มกะเขาหักหมูบ่กินฮำแสนสิตีกะดังเว้อ”(วัวไม่กินหญ้าถึงจะข่มจนเขาหักก็ไม่กิน หมูไม่กินรำข้าวจะตีก็จมูกบานเปล่า) คือคำสอนที่เน้นบอกถึงจะทำอย่างหนึ่งอย่างใดนั้นไม่ควรบังคับจิตใจกัน ผลที่จะออกมานั้นจะเป็นผลเสียมากกว่า ตลอดถึงการให้ยึดถือคำพูดของตัวเองให้มีความชื่อสัตย์มากกว่าสิ่งอื่นใด ถึงชีวิตจะลำบากก็ไม่ควรทิ้งคำสัตย์ของตนเองให้ยึดไว้ให้มั่นคงดังสุภาษิตว่า “ทุกข์ยากไฮ้ขอขอดแลงงาย อย่าสุลืมคำสัตย์เที่ยงจริงคำมั่น”( ทุกข์ยากไร้เพียงใดก็อย่าลืมคำสัตย์ คำจริง คำมั่นสัญญา) ความเชื่ออีกอย่างหนึ่งที่สะท้อนถึงชีวิตที่เลือกกันไม่ได้นั้นคือสรีระร่างกายของคนเราจะต้องเป็นไปตามพันธุกรรมของพ่อแม่ ดังสุภาษิตว่า “ แนวหมากต้องบ่ห่อนหล่นไกลกก แนวผมดกบ่ห่อนมีหัวล้าน” (ผลกระท้อนไม่ควรหล่นไกลลำต้น ตระกูลผมดก(มาก)ไม่ควรมีหัวล้าน) แต่ความนัยที่แฝงเอาไว้ในคำสุภาษิตนั้นมักจะหมายถึงคนดีหรือคนชั่วนั้นย่อมส่งผลมากจากการฝึกอบรมของพ่อแม่ที่ส่งต่อมายังบุตรหลาน จะเป็นทางดีหรือทางเสื่อมก็ย่อมเป็นได้ทั้งนั้น ผญาภาษิตของชาวอีสานยังสามารถแยกย่อยออกได้หลายลักษณะตามเนื้อหาที่สะท้อนถึงวิถีชีวิต คือ
๓.๒.๑ ควรรักษาศีล เว้นอคติ และอบายมุข
ปรัชญาอีสานมีทรรศนะต่อชีวิตอย่างไรนั้น ถ้านำหลักทางจริยธรรมมากล่าวก็จะสามารถมองถึงพื้นฐานของชีวิตได้เป็นอย่างดี นั้นคือทุกชีวิตควรกระทำอ ย่างไรจึงจะมีความสุข ยิ่งกว่านั้นควรมองว่าชีวิตควรประพฤติอย่างไรจึงจะพบกับความสุข นั้นเป็นปัญหาเชิงญาณวิทยาจะต้องแสวงหาความรู้มาเป็นคำตอบ แต่ปรัชญาชาวบ้านนั้นมักจะมองถึงความสัมพันธ์สิ่งที่จะต้องเว้นให้หางมากกว่าชึ่งปรากฏในปรัชชาวอีสานเว้นจากสิ่งที่เป็นบาปกรรม คือให้รักษาศีลห้า ดังคำสอนนี้
คือว่าปาณานั้นบ่ให้ฆ่ามวลหมู่ชีวิต อทินนาบ่ให้ลักโลภของเขาแท้
กาเมบ่ให้หาเสพเล่นกามคุณผิดฮีต เจ้าของมีอย่าใกล้ให้หนีเว้นหลีกไกล
อันว่ามุสานั้นคำจาอย่าตั่วะหล่าย คำสัจจะมีเที่ยงมั่นระวังไว้ใส่ใจ
โตที่ห้าคือสุราปัญหาใหญ่ ฮอดเมรัยอย่าได้ใกล้มวลนี้สิบ่ดี
เสียสติจริงแท้กรรมเวรบ่ได้ปล่อย ความถ้อยฮ้ายสิไหลเข้าสู่ตัว
นั้นเป็นขั้นมูลฐานของชีวิตจริงๆ ซึ่งชนชาวอีสานยังดำรงยึดมั่นในคำสอนเหล่านี้อยู่อย่างดีคำสอนเหล่านี้มุ่งเน้นให้เห็นถึงความสุขขั้นพี้นฐานของชีวิตทุกขีวิตที่เกิดร่วมกันในโลกนี้ ทุกสังคมย่อมมีปัญหามากน้อยต่างกันไปเหตุปัจจัย ดังนั้นสังคมที่ปรากฏในภูมิปรัชญาชาวอีสานยังชี้ไปให้ลึกถึงแก่นของสังคมนั้นคือ อิทธิพลของหลักธรรมในพุทธศาสนาที่ค่อยสะสมขึ้นจนเปี่ยมล้นอยู่ในสายธารศรัทธาของชาวไทยอีสาน แล้วตกตะกอนเป็นแรงศรัทธาที่ซึมซับเอิบอาบจนกลายเป็นจิตนิสัย และบุคคลิกภาพของพุทธศาสนิกชนที่เคารพต่อพระรัตนตรัยอย่างลึกซึ่ง ดังสุภาษิตอีสานว่า
ศีลกับธรรมพาเฮาดีได้ ควรตัดสินใจน้อมเข้าเพิ่ง
รัตนะ พระไตรหน่วยแก้ว แนวพายั้งอยู่ซุ่มเย็น
ไผบ่อถือศีลธรรมวางถิ่ม เป็นคนเสียชาติเปล่า
ไผบ่อเซื่อธรรมพระพุทธเจ้า ตายถิ่มค่าบ่มี1
โดยเฉพาะบุคคลผู้ที่ได้ผ่านการบวชเรียนมาแล้วจนมีภูมิธรรมซึ่งวัดเป็นผู้ถ่ายทอดมาให้จนสามารถสร้างสรรงานด้านปรัชญาธรรมในพุทธศาสนามาเป็นปรัชญาท้องถิ่นได้ จะเห็นได้ว่าวัฒนธรรมพุทธศาสนาทรงอิทธิพลต่อสังคมชาวอีสานอย่างลุ่มลึกและสืบต่อกันมาอย่างยาวนาน กวีชาวอีสานได้ผลิตผลงานต่อสังคมและได้นำเอาคติทางพุทธศาสนามาผสมผสานกันอย่างสนิทแนบแน่นจนกลายเป็นเอกลักษณ์ อิทธิพลเหล่านี้จึงค่อยๆซึมซับมาตามสายธารทางพุทธปรัชญาจนกลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของชาวอีสาน ปรัชญาพื้นฐานของชีวิตที่สงบสุขต่อส่วนรวมนั้นควรเว้นจากการมีอคติและให้มีความเมตตาต่อผู้อื่น ยิ่งเป็นข้าราชการควรคำนึงมาก ดังคำสอนนี้
อันว่าจอมราชาเหมือนพ่อคิงเขาแท้จิ่ง ให้ไลเสียถิ้มอะคะติทั้งสี่ พญาเอย
โทสาทำโทษฮ้ายโกธากริ้วโกรธแท้เนอ จงให้อินดูฝูงไพร่น้อยชาวบ้านทั่วเมือง
ชาติที่เป็นพญานี้อย่ามีใจฮักเบี่ยงพญาเอย อย่าได้คึดอยากได้ของข้าไพร่เมืองเจ้าเอย
ละอะคะติสี่นี้ได้จึงควรสืบเสวยเมือง ทงสมบัติครองเมืองชอบธรรมควรแท้197
ทางเสื่อมอีกอย่างที่ควรเว้นให้ห่างไกลถ้าต้องการที่จะพบความสุข คืออบายมุขซึ่งในพุทธปรัชญาก็สอนว่าเป็นทางของความเสื่อม ปรัชญาอีสานก็มองเห็นเช่นกันว่าจริงทุกประการ “อย่าได้มัวเมาเล่นการพนันเบี้ยโบก ลางเทื่อโชคบ่ให้ถงเป้งสิขาดกลาง (82 ของเก่าบ่เล่ามันลืม ) ถ้าใครหลงเข้าไปเกี่ยวข้องแล้วย่อมมีแต่เสื่อมโดยถ่ายเดียว ดังคำกลอนสุภาษิตอีสานว่า
อันว่าการพนันนี้มันอัปปีจังไฮใหญ่ ทางหลวงเผิ่นกะห่ามทางเจ้าเพิ่นหากเตื่อน
คันแม่นหลวงจับได้พาเสียเงินเกินขีด บ่อแม่นเสียถ่อนนั้นมันเสียหน้าตื่มนำหลานเอย
คันว่าในธรรมเจ้าองค์พุทโธเผิ่นแยงโลก เฮาบ่มีดีสังดอกเจ้าการพนันเล่นถั่ว
มีแต่ชั่วอ้อยต้อยบ่ควรเล่นแม่มันดอกนา...มันชวนให้ใจกล้าขะโมยกินของท่าน
คันแม่นลักได้แล้วผัดมาเล่นต่อไป มันบ่มีทางได้การพนันมีแต่ขาด
บ่มีบาดสิได้เงินล้านเข้าใส่ถงดอกนา...อันนี้มันหากแม่ความฮ้ายทางธรรมพระเจ้ากล่าว
ให้พวกเฮาหิ่นฮู้แล้วเซาเล่นต่อไป คันสิว่าเสียเงินแล้วเฮือนซ้ำเสียต่อ
ลางเถื่อเสียเมียพร้อมนำย้อนฆ่ากัน ( พระราชรัตโนบล ผญาภาษิตอีสาน หน้า
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น