๓.๑.๒ ประเภทของคำผญาอีสาน
ตามที่ท่านผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายได้จัดแบ่งประเภทผญาตามลักษณะของเนื้อหาไว้นั้นมีความใกล้เคียงกันมาก โดยสรุปแล้วมีเนื้อหาของคำผญาได้เป็น ๔ ประเภท คือ
๑ ) ผญาภาษิต
คำผญาที่เป็นคำภาษิตคือเป็นข้อความสั้นๆ แต่เน้นความลึกซึ้ง และต้องเป็นสอนไปในตัว หรือให้เกณฑ์อันใดอันหนึ่ง ที่แสดงถึงความเป็นไปของโลกหรือชี้ให้เห็นสัจจะแห่งชีวิต ผญาภาษิตอีสานนั้นเป็นทั้งปรัชญาธรรมและปัญญาธรรม ซึ่งเป็นคำสอนของนักปราชญ์ อันแฝงไปด้วยคติ แง่คิด เป็นคำกล่าวที่เป็นหลักวิชา อันแสดงถึงความรอบรู้ความสามารถของผู้พูด ผญาที่เป็นภาษิต ใช้พูดสั่งสอนหรือเตือนใจใช้ในโอกาสเหมือนภาษิตภาคกลาง เช่น ต้องการสั่งสอนบุตรธิดา ท่านก็เล่านิทานเป็นเชิงอุทาหรณ์แทรกคติธรรม และภาษิตที่เป็นผญาเตือนใจทำให้ผู้ฟังเกิดความซาบซึ้งประทับใจและจดจำไว้เป็นแบบอย่างของการครองชีวิตต่อไป
ผญาภาษิตนี้มักไม่กล่าวสอนอย่างตรงๆ ทั้งนี้เพราะคนอีสานนิยมสอนบุตรธิดาของตนโดยทางอ้อม ไม่ได้สอนโดยทางตรง เมื่อท่านจะสอนในเรื่องใดท่านมักจะผูกเป็นคำอุปมาอุปไมย โดยกล่าวถึงข้อเท็จจริงคือความเป็นอยู่และกิริยาอาการหรือความประพฤติของคนหรือสัตว์ ไม่ว่าในทางดีหรือทางชั่วอันเป็นไปในทางรูปธรรม เพื่อให้เกิดแง่คิดในทางนามธรรมเป็นข้อเปรียบเทียบกับรูปธรรม ผญาภาษิตนี้ส่วนมาจากคำสอนในหนังสือวรรณคดีเรื่องต่างๆ
๒) ผญาอวยพร
การอวยพรมักจะใช้ในโอกาสต่างๆ ส่วนมากเป็นคำพูดของคนสูงอายุ ผู้อาวุโสหรือคนรักใคร่นับถือกันและเจตนาดีต่อกัน พูดเพื่อให้เป็นสิริมงคลแก่ผู้ฟัง หรือผู้รับพร เพื่อให้กำลังใจ และหวังให้ผู้ฟังได้รับความชื่นใจ ความสบายใจอาจใช้ในพิธีต่างๆเช่นในการสู่ขวัญ ผูกข้อต่อแขน หรือในโอกาสอื่นๆแล้วแต่ความเหมาะสม ผญาอวยพรเป็นบ่อเกิดสำคัญทางสุนทรียภาพอันเป็นอาหารทางจิตใจ ผญาอวยพรนี้ยังสะท้อนถึงความเชื้อของคนในท้องถิ่นภาคอีสานได้เป็นอย่างดี
๒.๑) การอวยพรให้กับคู่บ่าวสาว อาจมีคำให้พรดังนี้
ให้อยู่กันจนแก่จนเฒ่า ถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร
๓) ผญาพังเพย
คำผญาพังเพยนี้มักจะกล่าวสอนขึ้นมาลอยๆ เป็นคำกลางๆเพื่อให้ตีความเข้ากับเรื่อง คำพังเพยคล้ายสุภาษิต มีลักษณะเกือบเป็นสุภาษิต เป็นคำที่มีลักษณะติชม หรือแสดงความคิดเห็นอยู่ในตัว เช่น ทำนาบนหลังคน คำพังเพยไม่เป็นสุภาษิตเพราะไม่เป็นคำสอนแน่นอน และไม่ได้เน้นคำสอนในตัวเอง
ลักษณะของคำพังเพยอีสานนี้เรียกอีกอย่างว่า คำโตงโตยหรือยาบสร้อย บางท้องถิ่นนิยมเรียกว่า ตวบต้วยหรือยาบเว้า เป็นข้อความในเชิงอุปมาอุปไมยที่ไพเราะสละสลวยและมีความหมายลึกซึ่งคมคายเช่นเดียวกับผญาภาษิต บางคำมีความหมายลึกซึ้งเข้าใจยากกว่าผญาภาษิตมาก ต่างก็กับผญาภาษิตตรงที่คำพังเพยหรือยาบสร้อยนี้ไม่เป็นคำสอนเหมือนผญาภาษิต เป็นเพียงคำเปรียบเทียบที่ให้ข้อเตือนใจหรือเตือนสติให้คนเรานึกถึงทางดีหรือทางชั่วนอกจากเป็น
๔) ผญาเกี้ยว
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น