ทานพิธี
วิธีบำเพ็ญทานนั้น ในสมัยพุทธกาลมีไม่มากวิธีนัก เช่น การตักบาตรเลี้ยงพระ ทอดกฐิน ทอดผ้าป่า บังสุกุล เป็นต้น แต่ต่อมาภายหลังวิธีทำบุญได้วิวัฒนาการไปมากเช่นการตักบาตรซึ่งเดิมจริง ๆ ก็มีเพียงการเอาข้าวสุกใส่บาตรให้พระนำไปฉันที่วัดเท่านั้น แต่ปัจจุบันการใส่บาตรก็มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบถวายไป เป็นตักบาตรน้ำผึ้งตักบาตรน้ำมัน ตักบาตรเงิน เป็นต้น(พระมหาเอกนรินทร์)
อย่างไรก็ตาม ในการทำบุญให้ทานนั้น เจตนาถือว่าสำคัญ จะต้องมีเจตนาทั้ง ๓ กาล คือ ก่อนให้ทาน ขณะให้ทาน และหลังจากให้ทานแล้ว ผลบุญจึงจะได้สมบูรณ์ดังพระคาถาว่า
“ทายกก่อนแต่จะให้เป็นผู้ใจดี กำลังให้ทานอยู่ก็ยังจิตให้ผ่องใส
ครั้นให้ทานแล้ว ย่อมปลื้มจิต นี้เป็นยัญสมบัติ (ความสมบูรณ์ของทายก)”(องฺ ฉกฺก)
ส่วนวัตถุที่พึงให้ทานนั้น ท่านกล่าวไว้มี ๑๐ อย่าง คือ อย่างนี้บางอย่างก็ไม่เหมาะต่อการถวายแก่พระสงห์ ในประเด็นนี้ผู้ศึกษาพึงแยกแยะให้ถูกว่าสิ่งไหนควรไม่ควร การบำเพ็ญทานดังกล่าวได้กลายเป็นขนบธรรมเนียมประเพณีของชาวพะทธศาสนิกชนไปแล้ว ดังที่ปรากฎในหลักของศาสนพิธีต่าง ๆ ซึ่งกล่าวถึงแบบอย่างของพระพุทธศาสนาที่ถูกต้องเพื่อความเป็นระเบียบและครบถ้วนตามหลักศาสนพิธีที่ชาวพุทธยึดถือกัน
การบำเพ็ยทานนั้น เมื่อถือหลักเจตนาของผู้บริจาคเป็นที่ตั้งแล้ว แบ่งออกเป็น ๒ อย่าง คือ
1. ปาฏิบุคลิกทาน ถวายเจาะจง2. พระภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง3.
4. สัง5. ฆทาน ถวายไม่เจาะจง6. แก่ภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง7. (พ.อ.)
ผู้รับทานหรือปฏิคคาหก (เรียกว่า บุญเขต) ต้องเป็นบุญเขตหรือเนื้อนาบุญอันยอดเยี่ยมจึงจะทำให้ผลทานหรือสักการบูชามีผลานิสงส์มากในธัมมปทัฎกถามีพุทธดำรัสว่า “เมื่อจิตประณีต ทานที่ถวายแก่พระอริยบุคคลมีพระพุทธเจ้าเป็นต้น ย่อมไม่ชื่อว่าเศร้าหมอง”(จิตฺตสฺมึ) คือเมื่อตั้งใจให้ทานในผู้รับที่บริสุทธิ์ ทานย่อมให้ผลเต็มที่ในพระพุทธศาสนายกย่องการเลือกให้ (วิจยทาน) ดังที่พระพุทธเจ้าว่า “พึงเลือกให้ทานในบุญเขตที่มีผลานิสงส์มาก ที่พระสุคตตรัสสรรเสริญ การให้แก่พระทักขิไณยบุคคล เหมือนการหว่านพืชลงในนาดีฉะนั้น”(วิเจยฺย)
จากการศึกษาพบว่า บทเพลงลูกทุ่งหลายเพลงที่กล่าวถึงการให้ทาน เช่น การให้ทานทำบุญในเทศกาลทอดกฐิน ผ้าป่า
ให้ทานปล่อยชีวิตสัตว์ แม้กระทั่งการทำบุญตักบาตรโดยทั่วไปก็ถือว่า เป็นการให้ทานเหมือนกัน
จากความเชื่อที่ว่า “ทำบุญต้องอธิษฐาน ให้ทานต้องปรารถนา” ซึ่งเป็นคติชาวบ้านทั่วไปมักจะเชื่อว่าการตักบาตรทำบุญให้ทานนั้นผลอานิสงฆ์ต้องสะท้อนกลับอย่างแน่นอน อย่างเพลงลูกทุ่งที่กล่าวถึงความสวยของสตรีเชื่อว่าได้มาจากแรงปรารถนาที่เคยได้ทำบุญให้ทานไป จึงประสบผลด้วยพรสี่ประการ คือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ ดังบทเพลงว่า
“ผู้หญิงที่สวยอย่างคุณ ทำบุญไว้ด้วยอะไร จึงสวย
น่าพิศมัยน่ารักน่าใคร่พริ้งพราว คงถวายมะลิไหว้พระ
วรรณะจึงได้นวลขาว เนตรน้องดั่งสอยจากดาว กะพริบ
พร่างพราวหนาวใจ
ตักบาตรคงใส่ด้วยข้าวหอม จึงสวยละม่อมละไม บุญทาน
ที่ทำด้วยเต็มใจ เธอจึงได้พรสี่ประการ อายุ วรรณะ สสุขุ
พละและปฏิภาณ เพียงพบเจ้านั้นไม่นานพี่ซมพี่ซานลุ่มหลง”
(ทำบุญด้วยอะไร :พยงค์ มุกดา)
การจัดถวายผ้ากฐินจัดเป็นสังฆทาน คือถวายโดยไม่เจาะจงภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง ถวายในท่ามกลางสงฆ์ ภิกษุรูปใดจะได้ผ้านั้นเป็นสิทธิ์หรือเรียกองค์ครองนั้นเป็นหน้าที่ของสงวห์ในวัดนั้นจะพึงปรึกาหารือและตกลงกับมอบให้ภิกษุรูปที่สงห์เห็นสมควรสามารถทำกฐินถูกต้องตามพระบรมพุทธานุญาตได้
พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ในทักขิณาวิภังคสูตรว่า “ดูก่อนอานนท์ทักษิณาที่ถึงแล้วในสงฆ์แม้ในเวลานั้น เรากล่าวว่ามีผลนับไม่ได้ แต่ว่าเราไม่กล่าวปาฎิปุคคลิกทานว่ามีผลมากกว่าทักษิณาที่ถึงแล้วในสงฆ์โดยปริยายไร ๆ เลย”(ม.อุ) การทอดกฐินจัดว่าเป็นการถวายเพื่อสงฆ์โดยเฉพาะและการถวายกฐินนี้จัดว่าเป็นกาลทาน คือถวายได้เฉพาะกาลหนึ่งเท่านั้น จะถวายตามใจชอบไม่ได้
บทเพลงลูกทุ่งกล่าวถึงการถวายทานที่ยิ่งใหญ่เรื่องการทอดกฐินไว้อย่างมากมายเพราะชาวไทยถือว่าเป็นงานบุญประเพณีด้วย เพราะฉะนั้นเรื่องกฐินจึงเป็นเรื่องที่ชาวพุทธให้ความสำคัญ เมื่อถึงเทศกาลก็ชักชวนกันทำบุญ โดยยึดหลักศาสนพิธีทางศาสนกระทำกันอย่างถูกต้อง ดังบทเพลงว่า
“ว่าโอ้วันนี้ นะพี่น้องเอ๋ย จงอย่าละเลยพี่น้องทั่วถิ่น
เสียงเครื่องขยายที่ท่านได้ยิน เป็นงานกฐินของวัดบ้านเรา
ถึงกาลแล้วหนอ พอออกพรรษากฐินกาลทานมาเหมือนเก่า
บุญประเพณีมีนานเนา สมัยพระพุทธเจ้าของเรามีรวมกัน
ทอดผ้าโมทนากฐินเชิญท่านทุกถิ่นเพิ่มบุญราศี เป็นกุศล
พิเศษเจตนาดี บุญยิ่งใหญ่นี้ทำยากยิ่งนา
จะต้องอาศัยซึ่งกำลังทรัพย์ และตามอันดับคือกำลัง
ปัญญา เข้ามาประกอบกำลังศรัทธา จึงจะเป็นบุญญากฐิน
ทาน...”
(อานิสงส์ทอดกฐิน : ไวพจน์ เพชรสุวรรณ)
ในการสร้างวัดนั้นถือเป็นงานใหญ่ แม้ว่าจะไม่สามารถช่วยเหลือในทางทรัพย์สินได้ก็อาจจะช่วยในทางกำลังความคิด กำลังกาย หรือกำลังใจ คือให้การสนับสนุนโดยไม่ขัดขวางก็ย่อมเป็นการให้ทานและเป็นการสร้างสมบูญบารมีให้เกิดขึ้น เพราะมีแรงศรัทธาในศาสนาเช่นกัน ถือว่าท่านกำจัดมลทินคือความตระหนี่อย่างสิ้นเชิง อันใคร ๆ ไม่ติเตียนได้จะได้เข้าถึงโลกสวรรค์(ขุ.วิ) ตามปกติแล้วการทำทานทุกชนิดย่อมมีอานิสงส์ของทานนั้นเสมอ ถ้าผู้ให้ทานกระทำไปด้วยใจบริสุทธิ์ ไม่มีเจตนาอื่นแอบแฝงอยู่(วันดี) พระพุทธเจ้าก็ได้แสดงถึงอานิสงส์ของการถวายทานว่า
“ผู้ให้ทานย่อมเป็นที่รักของชนเป็นอันมาก ชื่อว่าดำเนิน
ตามธรรมของสัปบุรุษ สัปบุราผู้สงบ ผู้สำรวมอินทรีย์ ประกอบ
พรหมจรรย์ ย่อมคบหาผู้ให้ทานทุกเมื่อ สัปบุรุษเหล่านั้นย่อม
แสดงธรรมเป็นที่บรรเทาทุกข์ทั้งปวงแก่เขา เขาได้ทราบชัด
แล้วย่อมเป็นผู้หาอาสวะมิได้ ปรินิพพานในโลกนี้”(องฺ ปญฺจก)
เพลงลูกทุ่งได้เป็นสื่อในการประชาสัมพันธ์ให้พุทธศาสนิกชนร่วมบำเพ็ญกุศลด้วยการบริจาคทรัพย์สร้างวัด หรือศาสนสถานซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของพระพุทธศาสนา ในการนี้พระพุทธศาสนาเน้นหนักการบริจาคทรัพย์ตามกำลังศรัทธา ในชนบทนั้นวัดเป็นศูนย์รวม เมื่อมีกิจกรรมเกี่ยวกับทางวัด ชาวบ้านจึงพร้อมใจสามัคคีพากันไปช่วยกันหาทุนสร้างชีวิตดังบทเพลงว่า
“สิบนิ้ววันทาและมาบอกบุญ เชิญนะคุณ ๆ มาร่วมใจทำบุญสร้างวัด
สละกันไปไม่ใช่เรี่ยไร แต่มาบอกบุญเสนาสนะมันผุพัง คอยความหวังจากคุณ ๆ ทำบุญกันเถิดจะ
เกิดบุญรวบรวมเป็นทุนให้วัดไป
โอ้โบสถ์วิหารกระดานกุฎีทรุดโทรมเสื่อมศรีน่าเศร้าใจ
พระสงฆ์องค์เจ้าเข้าอาศัย ท่านจะสุขใจอย่างไรดี เราคน
ไทยชาวพุทธเชื้อศากยะพระมุนีเรื่องบุญกุศลทุกคนยินดี
สุดที่พลีบริจาคทานตามกำลังศรัทธา แต่ทำเอาหนังหน้าต้องการ
การ คนละบาทสลึงได้ถึงนิพพาน รวมกันให้หมดยังได้หลายโอ่ง
ร่วมกันช่วยว่าจรรโลง สิ่งประสงค์ดังใจปอง...”
(เชิญทำบุญสร้างวัด : ไวพจน์ เพชรสุวรรณ)
การปล่อยนกปล่อยปลาในเทศกาลสงกรานต์นั้น คนไทยถือว่าเป็นการให้ทานแก่ชีวิตเหมือนกัน สงกรานต์บ้านนา นอกจากจะเป็นเทศกาลที่นำมาซึ่งความสนุกสนานหรรษาของชาวไทยอย่างแท้จริง การทำบุญช่วยชีวิตเขาให้พ้นความตาย ถือว่าได้ต่ออายุของเขา บางครั้งผู้ปล่อยยังอธิฐานขอให้เคราะห์กรรมต่าง ๆ หายไปพร้อมกับนกและปลา
การปล่อยนกปล่อยเลานี้ถือเป็นกุศลอย่างหนึ่งของคนไทยและคนไทยส่วนมากมักจะมีจิตใจเมตตากรุณาต่อสัตว์(แปลก) คนไทยจึงนิยมทำกันมาก เพราะเชื่อว่าเป็นการสะเดาะเคราะห์ให้เบาบางลง
เนื้อหาสาระของเพลงลูกทุ่งยังคงไว้ซึ่งประเพณีที่ดีงามของเมืองไทย เช่น การเล่นรำวงชาวบ้าน การเล่นช่วง เล่นสะบ้า ตลอดจนปล่อยนกปล่อยปลา สงกราน์บ้านนาจึงเป็นสิ่งที่ควรอนุรักษ์ ดัวเพลงว่า
“สงกรานต์บ้านนา วันนี้กานดาสุขกันชุ่มฉ่ำ
เล่นช่วงสนุกหนักหนา พร้อมเล่นสะบ้า เริงร่าเหลือล้ำ ใคร
แพ้แน่นอนถูกตี ถ้าแพ้คน พี่ไม่ว่าสักคำ
นานทีปีหน วันเวียนวนให้มาดื่มด่ำ ปล่อยนกปล่อยปลา
ปะแป้ง คนใส่เสื้อแดงแต่งตัวงามล้ำ กลางคืนรื่นรมย์รำวง
ขอเชิญโฉมยงมาเป็นคู่รำ
สงกรานต์บ้านเรา ประเพณีเก่า ช่วยกันจุนค้ำ สนุก
ทุกข์แบบไทย ๆ อย่าไปหลงใหลของใหม่เต้นบั้มพ์
อย่าปล่อยให้เสื่อมสูญไป เราคนไทยต้องใส่ใจจำ..”
(สงกรานต์บ้านนา : ข้อร้องโดย ยอดรัก สลักใจ)
สมัยหนึ่ง เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงยมกปาฏิหาริย์แล้วเสด็จไปจำพรรษา ณ บัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ในดาวดึงส์เทวโลก เพื่อจะตรัสพระสัทธรรมเทศนาสัตตปกรณาภิธรรมโปรดพระพุทธมารดา ครั้นถึงวันปวารณาสมเด็จพระบรมศาสดาทรงปวารณาพระวัสสาแล้วเสด็จจากดาวดึงส์พิภพมาสู่มนุษย์โลก โดยบันไพทิพย์ทั้ง ๓ คือ บันไดทอง อยู่ ณ เบื้องขวา บันไดเงิน อยู่ ณเบื้องซ้าย บันไดแก้วประดิษฐานอยู่ในท่ามกลาง และเชิงบันไดทั้ง ๓ นั้นจดพื้นภูมิภาคปฐพี ณ ที่ใกล้เมืองสังกัสสนคร และศีรษะบันไดเบื้องบนยอดเขาพระสิเนรุราชอันเป็นที่ตั้งแห่งดาวดึงส์พิภพ บันไดทองเป็นที่แห่งหมู่เทวดาอันตามส่งเสด็จ บันไดเงินเป็นที่ลงแห่งหมู่พรหมบันไดแก้วในท่ามกลางเป็นทางเสด็จของพระบรมครูสัพพัญญูเจ้า
การทำบุญตักบาตรเทโว ก็เท่ากับทำบุญตักบาตรต้อนรับพระพุทธองค์ ในคราวเสด็จลงจากเทวโลกนั่นของทำบุญที่นิยมกันเป็นพิเศษในกาลทานนี้ คือข้าวต้มลูกโยน ซึ่งเอาข้าวเหนียวมาห่อด้วยใบมะพร้าวไว้หางยาง
การที่ทำบุญให้ทานด้วยข้าวต้มลูกโยนนั้น กล่าวกันว่าในครั้งนั้นสมเด็จพระบรมศาสดาถูกห้อมล้อมด้วยเทวดาและมนุษย์ผู้ที่เข้าถึงพระองค์ก็มีผู้ที่เข้าไม่ถึงก็มี ดังนั้น ผู้ที่เข้าไม่ถึงก็โยนเข้าไป เมื่อถึงวันกำหนดการตักบาตรเทโว พุทธศาสานิกชนทั่วไปก็จะตั้งแถวเรียงรายคอยใส่บาตร สรุปลงได้ว่า ทำให้ใกล้กับความจริง เพื่อเป็นการรำลึกถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าชาวพุทธก็ได้มีโอกาสบำเพ็ญทานพิธี ซึ่งชาวพุทธเรียกวันนี้ว่า “เทโวโรหณแปลว่าพระพุทธเจ้าเสด็จลงจากเทวโลก”
บทเพลงลูกทุ่งกล่าวถึงการเตรียมตัวไปตักบาตรทำบุญในวันนี้สิ่งที่ตระเตรียมก็คืออาหารกระป๋อง นมข้ม น้ำตาล และข้าวสุก เป็นต้น ชาวพุทธมักจะถือวันนี้เป็นวันสำคัญได้พบเพื่อนและญาติพี่น้องที่มาร่วมทำบุญที่วัด ดังบทเพลงว่า
“เดินไปยิ้มไป วัดเหนือวัดใต้มีงานใหญ่โต วัดเล็ก
วัดน้อยวัดใหญ่ทำบุญกันให้จิตใจสุโข ไม่ว่าชาวบ้าน
ห้างร้านตลาด วันนี้ชวนญาติมาตักบาตรเทโว ตั้งใจเอาไว้
แน่นอน ฉันตื่นมาก่อนเมื่อตอนไก่โห่ ซื้อของมาจากตลาด
จัดแจงใส่ถาดไปตักบาตรเทโวมีทั้งข้าวสุกและข้าวสารนมข้น
น้ำตาลกาแฟโกโก้ ปลากระป๋องผัดผักดองผักกาด จัดแจง
ใส่บาตรไปตักบาตรเทโว ทำใจเราให้เยือกเย็น แต่งตัวให้
เด่นฉันเป็นคนโก้ ใส่ทองหนักตั้งสิบบาทแต่งไปอวดญาติวัน
ตักบาตรเทโว ไปยืนคู่เคียงเรียงแถวพระมากันแล้วอย่ามัว
คุยโว ชาวไทยน้ำใจสะอาด วันนี้รวมญาติ มาตักบาตรเทโว”
(ตักบาตรเทโว : ขับร้องโดย พิมพา พรศิริ)
ในสังคมไทย ซึ่งมีพระพุทธศาสนาเป็นที่พึ่งทางใจย่อมมีการยึดถือในเรื่องการทำบุญให้ทานกันมากจึงกล่าวได้ว่า คนไทยนั้นเป็นผู้ที่มีน้ำใจประกอบด้วยเมตตากรุณาเป็นที่ตั้งและสิ่งที่สำคัญก็คือคนไทยนั้นเชื่อในหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ว่า “การบำเพ็ญทาน เพื่อกำจัดกิเลสในใจของผู้ให้” ให้เรื่องของทานไม่เฉพาะเจาะจงเป็นคนขอทานหรือให้แก่พระสงฆ์ก็ใช้คำว่าทานเหมือนกัน
บทเพลงลูกทุ่ง หรือวงดนตรีลูกทุ่งนั้นมีความเกี่ยวข้องกับการให้ทานไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม จะเห็นได้ว่าวงดนตรีลูกทุ่งนั้นเวลาเปิดทำการแสดง ส่วนมากก็ไปในงานบุญกุศลบุญให้ทานทั้งนั้น แม้กระทั่งผู้ร้องเพลงลูกทุ่งก็บริจาคทานเองก็มี เช่น การทำบุญทอดผ้าป่า ทอดกฐินเป็นต้นส่วนบทร้องของเพลงลูกทุ่งนั้น จากการศึกษาและค้นคว้ามีอยู่มากมายส่วนมากจะปรากฎอยู่ในเพลงเกี่ยวกับ งานบวช งานผ้าป่า กฐิน และงานประเพณีอื่น ๆ อีกซึ่งมักจะเป็นเนื้อร้องในทำนองเชิญชวนพุทธศาสนิกชนได้ร่วมทำบุญบริจาคทานสร้างวัดถวายไว้ในพระพุทธศาสนาจะเห็นได้ว่าวัดในประเทศไทยนั้นมีอยู่มากมาย ก็เนื่องมาจากความเชื่อในเรื่องทานนั่นเอง
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น